วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

5 สัตว์ยักษ์ที่น่าขยะแขยงบนโลกใบนี้



5. หอยทากยักษ์แอฟริกา (Gian Africa Snail)



       หอยทากยักษ์แอฟริกา (Gian Africa Snail) เป็นหอยหอยทากบก ขนาดที่ใหญ่ที่สุดน้ำหนัก 900 กรัม ความยาววัดจากหางถึงปลายจมูก 39.3 เซนติเมตร และเฉพาะเปลือกมีขนาด 27.3 เซนติเมตร มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบร้อน เช่น อินเดีย และในประเทศไทยก็แพร่พันธุ์จำนวนมากแถวภาคใต้

       หอยชนิดนี้จะชอบอากาศค่อนข้างชื้น ออกหากินในเวลากลางคืน สามารถกินพืชได้กว่า 100 ชนิด เมื่ออายุ 5 ถึง 8 เดือน มันจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ และชอบวางไข่ตามซากกองใบไม้ หรือขอนไม้ที่ผุ หรือใต้ผิวดินที่ร่วนซุยและชื้น วางเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 200-300 ฟอง ตัวหนึ่งจะวางไข่ได้ปีละประมาณ 1,000 ฟอง...และมันจะมีอายุเฉลี่ยยืนถึง 5 ปี

       ในช่วงฤดูฝนมันจะกินอาหารได้มากและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่พอถึงฤดูแล้งมันก็จะหดตัวเข้าอยู่ในเปลือก แล้วสร้างแผ่นสีขาวบาง (epiphragm) ปิดไว้ เป็นการพักตัวและอยู่ได้นานตลอดฤดูกาล...คล้ายกับจำศีล

       สมัยสงครามโลก ทหารเยอรมันเอาหอยทากยักษ์แอฟริกานี้มาทำเป็นอาหาร ก็คงจะเป็นจริงอย่างนั้น) จึงได้มีการบันทึก ยืนยันการเป็นอาหาร ว่า...ประเทศไต้หวันมีการนำหอยทากยักษ์แอฟริกานี้แช่แข็งและส่งออกไปที่ยุโรป และ อเมริกา...



4. ไส้เดือนยักษ์คินาบาลู (Kinabalu giant earthworm)



       เป็นสัตว์จำพวก Annelid มีสีเทาออกน้ำเงิน พบได้เฉพาะแถบยอดเขาคินาบาลูบนเกาะบอร์เนียว เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวราว 70 ซม. อาศัยอยู่ในโพรงในดินที่หนานุ่มบนระดับความสูง 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ผิวหนังปกคลุมด้วยขนขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้ผิวเป็นเงามันสีเหลือบออกเขียว ศัตรูนักล่าตามธรรมชาติของไส้เดือนชนิดนี้คือ ปลิงแดงยักษ์คินาบาลู ซึ่งเป็น annelid ขนาดใหญ่อีกชนิดหนึ่ง สัตว์ทั้งสองชนิดนี้พบเห็นได้เฉพาะเวลาฝนตกหนักหรือหลังฝนหยุดตกไม่นาน



3. แมงมุมยักษ์ทาแรนทูล่า พันธุ์กินนกโกไลแอธ (Goliath Bird-eating Spider; Theraphosa blondi)



       แมงมุมยักษ์ทาแรนทูล่า พันธุ์กินนกโกไลแอธ หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Theraphosa blondi แมงมุมโกไลแอท เป็นหนึ่งในแมงมุมทารันทูล่า ( Tarantula ) เป็นแมงมุมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มาของชื่อ โดยชื่อแมงมุมกินนก นั้นมาจากตอนที่ Victorian era ที่ค้นพบมันตอนที่กำลังกินนก ฮัมมิงเบิร์ด ( Hummingbird ) เป็นแมงมุมที่มีพิษ(แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต) มีขนาดที่ใหญ่ที่สุด มีขนาดตัวที่ใหญ่โตถึง 9 เซนติเมตร และถึง 25 เซนติเมตรเมื่อรวมขาที่กาง น้ำหนักมากกว่า 120 กรัม อาหารของพวกมันมีตั้งแต่แมลงเล็กๆ ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก สัตว์เลื้อยคลานพวกกิ้งก่า งู รวมทั้งลูกนกที่อยู่ในรังด้วย ส่วนใหญ่จะพบทาแรนทูล่าชนิดนี้ตามป่าดงดิบตามแนวฝั่งของประเทศซูรินัม กายอานาและเฟรนช์เกียนา โดยจะอาศัยอยู่ในโพรงใต้ดิน



2. ปูแมงมุมญี่ปุ่น (The Japanese spider crab)



       ปูแมงมุมญี่ปุ่นมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Macrocheira kaempferi จัดอยู่ในวงศ์ Majidae ปูชนิดนี้มีชื่อเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าทาคาชิกามิ (takaashigami) แปลว่า ปูขายาว เป็น ปูที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดตัวเมื่อโตเต็มที่ เมื่อวัดความกว้างเมื่อกลางขา กว้างได้ถึง 4 เมตร กระดองกว้าง 37 เซ็นติเมตร และมีน้ำหนักตัว 20 กิโลกรัม ลำตัวมีสีส้ม มีจุดแต้มสีขาว มีขา 8 ขา และก้าม 2 อัน ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ที่มหาสมุทรแปซิฟิก ( Pacific Ocean ) ที่ความลึก 300 - 400 เมตร บริเวณรอบๆ เกาะญี่ปุ่น อาหารของปูแมงมุมญี่ปุ่น ก็จะเป็นพวกซากสัตว์ที่ตาย และพวกสัตว์มีเปลือก เช่น กุ้ง หอยต่างๆ ปูแมงมุมสามารถมีอายุยืนได้ถึง 100 ปี

       ปูนี้อาศัยอยู่ในน้ำลึกในระดับระหว่าง 30-50 เมตรหรือบางครั้งก็พบอยู่ในระดับลึกถึง 300 เมตร ในบริเวณทะเลนอกชายฝั่ง ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เมืองคามาอิชิ (Kamaishi) ในเกาะฮอนชูลงไปทางทิศใต้จนถึงเกาะคิวชิวที่มีพื้นทะเล เป็นทรายหรือเป็นโคลน เนื่องจากมันทรงตัวได้ไม่ดีนัก จึงต้องอาศัยอยู่ใน บริเวณน้ำนิ่ง และเป็นปูที่หายาก แต่กระนั้นก็นิยมใช้เนื้อเป็นอาหาร ในหมู่ชนชาวญี่ปุ่น แต่นับว่ามีอันตรายพอสมควร เพราะเป็นปูขนาดใหญ่ มีก้ามหนีบที่อาจหนีบทำให้เกิดบาดแผลที่สาหัสกับมนุษย์ได้


1.แมงกะพรุน (jellyfish)



       ที่บอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1988 อองรี เบแซล ช่างซ่อมวัยกลางคนได้รับแจ้งกับตำรวจว่า

       “ขณะที่ลูกสาวของผมกำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเล ทันใดนั้นเธอก็ส่งเสรียงกรีดร้องขึ้น พี่ชายของเธอจึงว่ายไปหาเพื่อจะดูว่าอะไรเกิดขึ้นกับเธอและแอลานา ภรรยาของผมก็ตามไปด้วยอีกคน แล้วทุกคนก็ส่งเสียงร้องขึ้นพร้อมๆ กัน ผมก็ว่ายตามออกไปด้วย และพอเข้าใกล้พวกเขา ผมก็เห็นสัตว์ยักษ์น่าสยองสยองตัวหนึ่ง มันเป็นแมงกะพรุนยักษ์ขนาดราวๆ รถเก๋ง และมันกำลังดูดพวกเขาทั้งหมดเข้าไป....มันจมกลับลงไปในน้ำพร้อมกับเอาครอบครัวผมไปด้วย”

       ตำรวจฝรั่งเศสไม่เชื่อเรื่องนี้และจับเขาข้อหากระทำฆาตกรรมบุตรและภรรยา แม้พนักงานสอบสวนจะพยายยามซักไซ้ไล่เรียงอน่างไร แบแซลยังยืนยันประโยคเดิม และเครื่องจับเท็จก็แสดงผลว่าเขาพูดจริง

       ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่นั้นต่างเต็มด้วยสัตว์ยักษ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมึกยักษ์ ฉลามยักษ์ งูทะเลยักษ์ ส่วนแมงกะพรุนยักษ์นั้นเราไม่ค่อยได้ยินนัก เพราะเรามักรู้จักมันแบบจัวเท่าฟุตบอลแล้วมานอนเกยตื้นอยู่ที่ชายหาดมากกว่า

       แมงกะพรุน จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมไนดาเรีย ลักษณะลำตัวใสและนิ่มมีโพรงทำหน้าที่เป็นทางเดินอาหารมีเข็มพิษไว้ป้องกันและจับเหยื่อ เมื่อโตเต็มวัย ส่วนประกอบหลักในลำตัวเป็นน้ำ 94-98% ด้านบนเป็นวงโค้งคล้ายร่ม ด้านล่างตอนกลางเป็นอวัยวะทำหน้าที่กินและย่อยอาหาร พบได้ในทะเลทุกแห่งทั่ว

       แมงกระพรุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น คือกะพรุนผมสีโต(Lion’s mane jellyfish : Cyanea Capillata) พบในปี 1865 ที่อ่าวแมสซาซูเสตส์ มันมีร่มหรือหมวกกว้างถึง 2.28 เมตร และหนวดยาวถึง 36.5 เมตร แบะถ้าแผ่ไปรอบๆ แล้วมันจะกว้างถึง 70 เมตร(เกือบเท่าสนามฟุตบอล)ที่เดียว แต่นี้ไม่อาจขนาดใหญ่ที่สุด

       เจมส์ สวีนเนย์ ได้เขียนเหตุการณ์ระทึกที่เกิดขึ้นในเดือนมกราคมที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปี 1973 เอาไว้ว่า ระหว่างที่เรือ กูรันดา(Kuranda) ระวางขับน้ำ 1483 ตัน แล่นจากออสเตรียไปเกาะฟิจิ เรือได้เผชิญกับทะเลที่คลื่นลมปั่นป่วนเป็นอย่างมาก และขณะที่พยายามประคองนำเรือฝ่าคลื่นไปได้นั้น ลูกเรือก็ประหลาดใจเมื่อเขาชนอะไรบางอย่างใต้ผิวน้ำ พวกลูกเรือพบว่ามันเป็นแมงกะพรุนยักษ์ใหญ่มหึมาติดหัวเรือ ตัวมันหนึกราว 20 ตัน แผ่หลาอยู่เต็มดาดฟ้าเรือ หนวดเต็มไปด้วยเข็มพิษเห็นแล้วน่าขนลุก มันไม่ต่างอะไรจากหัวของเมดูซ่าที่มีผมเลื้อยกันยั้ยเยี้ย

       หากไม่นับพวกสัตว์เซลล์เดียวกัน แมงกะพรุนจัดว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ดึกดำบรรพ์ที่สุด มันเกิดบนโลกเมื่อกว่า 650 ล้านปีมาแล้ว มันไม่มีสมอง ไม่มีกระดูกสันหลัง ไม่มีตา แต่มันสามารถรอดชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งแล้วครั้งเล่า และสิ่งที่รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวงคือเข็มพิษที่เมื่อสัมผัสมันเข้าไปจะพุ่งออกมาเหมือนแทงด้วยฉมวกเล็กๆ แต่ก็ใช่ว่าทุกชนิดจะมีพิษเสมอ จาก 250 ชนิด มี 70 ชนิดที่มีพิษระดับความรุนแรงต่างกัน แมงกะพรุนไฟสายพันธุ์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก มีชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า "Portuguese man-of-war" (แมงกะพรุนหมวกโปรตุเกส)

       ที่ฟิลิปปินส์ระบุว่ามีผู้ตายเพราะเข็มพิษของมันประมาณปีละ 20-50 คน
       

       อีริค แฟรงค์ รัสเซลล์ เล่าถึงความน่ากลัวของกะพรุนไว้ในหนังสือ Great World Mysteries ของเขาว่า เมื่อต้นๆ ของทศวรรษที่ 50 ที่ผ่านมา ได้มีนักดำนำผู้หนึ่งไปดำน้ำชมปลาอยู่แถวเกาะทางแปซิฟิกใต้ รักดำน้ำผู้นั้นได้ว่ายน้ำตามปลาฉลามใหญ่ไปห่างๆ และหยุดลงเมื่ออยู่ที่ปลายชายลาดใต้ท้องน้ำ ถัดจากตรงนั้นออกไปพื้นดินใต้ท้องทะเลหักชักลึกลงไปมาก เขาไม่คิดจะไปต่อ ได้แต่ลอยตัวเฝ้ามองฉลามอยู่นิ่งๆ แค่นั้น นักดำน้ำได้เล่าว่า

       “ทันใดนั้น อยู่ดีๆ ทะเลก็เย็นขึ้นมาเฉยๆ อย่างรวดเร็ว ผมเห็นอะไรอย่างหนึ่งใหญ่มากสีดำ ๆ ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ พอขึ้นมาบริเวณที่แสงส่องลงไปถึง ผมก็สามารถมองเห็นได้ว่ามันมีสีน้ำตาลตุ่มๆ และตัวโตมหาศาล รูปร่างของมันบรรยายไม่ถูกว่าลักษณะเป็นอย่างใด ดูว่าแบนๆ และมีขอบกะรุ่งกะริ่งกินพื้นที่ได้สักเอเคอร์ได้ มันขยับเป็นจังหวะช้าๆ และผมก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตแม้มันไม่มีแขนขาหรือดวงตาให้เห็นก็ตาม

       มันยังคงขยับตัวหุบเข้าหุบออกเป็นจังหวะอยู่อย่างนั้น สิ่งที่ดูน่ากลัวนี้ลอยตัวอยู่ขึ้นไปถึงตอนนี้ ความเย็นของน้ำเย็นจัดมาก ปลาฉลามตอนนี้หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว เป็นอัมพาตไป จะด้วยความเย็นหรือความกลัวไม่แน่ ขณะที่ผมเผ้ามองอย่างสนใจนี้เจ้าสิ่งสีน้ำตาลใหญ่ก็ลอยเข้าหาฉลาม ผิวด้านบนของมันถูกลำตัวของปลาฉลาม ฉลามมีอาการสั้นกระดุกไปทั้งตัว แล้วก็ฝังจมเข้าไปในลำตัวของสัตว์นั้นโดยมิได้แสดงอาการขัดขื่นแต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น